วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

15 อาการเริ่มต้นของมะเร็ง รู้ไว้ก่อนรักษาไม่ทัน!

15 อาการเริ่มต้นของมะเร็ง รู้ไว้ก่อนรักษาไม่ทัน!


การเกิดมะเร็งในอวัยวะต่างๆ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยสามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเอง หากหมั่นตรวจสุขภาพร่างกายเป็นประจำ ก่อนที่จะลุกลามเป็นหนักก็จะสามารถรักษาได้ทันก่อนลุกลาม ด้วยเทคโนโลยีและวิธีทางการแพทย์ในปัจจุบัน

อาการเบื้องต้นของมะเร็ง
 
1. มะเร็งปากมดลูก
อาการ : จะมีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ ที่ไม่่ใช่เวลารอบเดือนปกติ หรืออาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับคุณ ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ โดยขูดเนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าว เพื่อนำไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ ก็จะทราบผลและรักษาได้ก่อนลุกลาม


 
2. มะเร็งในมดลูก 
อาการ : มีเลือดออกกระปิดกระปอยหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อ หรือมีอาการบวมคับแน่นในช่องท้อง

 
 
3. มะเร็งรังไข่ 
อาการ : ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหา เกี่ยวกับลำไส้ อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง

 
4. มะเร็งในเม็ดเลือด (ลูคีเมีย) 
อาการ : เหนื่อยง่ายและมีอาการสีผิวซีดเซียวผิดปกติ มักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียวเองง่าย หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหต และมักจะเกิดร่วมกับอาการปวดตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย บางครั้งจะท้องอืด และเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของช่องท้อง


 

5. มะเร็งปอด 
อาการ : มักมีอาการไอบ่อย ๆ มีเลือดออกหรืออาจมีเสมหะปนมากับน้ำลาย น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว เจ็บหน้าอกและหายใจลำบาก หรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 
6. มะเร็งตับ 
อาการ : ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ตาและผิวเป็นสีออกเหลือง และเหลืองจัดจนสังเกตเห็นได้ชัด

 
7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ 
อาการ : มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ ปวดท้องน้อยและเจ็บแสบเมื่อปัสสาวะ

 
 
8. มะเร็งสมอง 
อาการ : ปวดศีรษะเป็นเวลานาน ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่น อาเจียน หรือการผิดปกติของการมองเห็นในชั่วขณะ ตาพร่า และเมื่อมองไปไกลๆ อาจเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ การเป็นลมโดยกะทันหัน อวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงาน เช่น มีอาการชา และเป็น อัมพาตชั่วคราว ควรให้ความระวังเป็นพิเศษ หากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย

 
9. มะเร็งในช่องปาก
อาการ : มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือทีลิ้นเป็นเวลานาน มีแผลเปื่อยที่ปาก แล้วไม่ได้รับการรักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือก เนื่องจากการกดทับของฟันคุด และฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำ หรือ ใส่เป็นเวลานานๆ

 
10. มะเร็งในลำคอ 
อาการ : เสียงแหบพร่าไปทันที เกิดก้อนบวม ทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับ และรู้สึกได้ (แต่หากเป็นที่คางเรียกว่าคางทูม อาการนี้ไม่ใช่มะเร็ง)

 
11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร 
อาการ : เกิดภาวะน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว อาเจียนออกมาเป็นเลือด ท้องอืด หรืออาหารไม่ย่อย บ่อยเข้าจะรู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้อง หรือรู้สึกตื้อๆจุกแน่น แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ

 
12. มะเร็งทรวงอก
อาการ : จะมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวม ผิวเนื้อทรวงอกหนาขึ้น มีก้อนบวมจนจับได้ เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้ บางครั้งอาจมีตุ่มก้อนหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานาน ควรระวังและให้รีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ เพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อาจทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่า ซีสต์ ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อน ว่าคืออะไรกันแน่ ซึ่งแพทย์สามารถให้คำตอบได้ดีกว่า
 
 
13. มะเร็งลำไส้
อาการ : น้าหนักลดลงอย่างรวดเร็ว มีอาการปวดท้องอย่างมาก และระบบการย่อยผิดปกติ มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ เมื่อเอากระดาษทิชชูซับสังเกตดู ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำ นั่นหมายถึงอาการของโรคมะเร็งในลำไส้ (หากเลือดมีสีแดงสดปนใส นั่นคืออาการของริดสีดวงทวารไม่ใช่มะเร็ง) ควรพบแพทย์ทันที ที่มีอาการดังกล่าว

 
14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
อาการ : มีก้อนบวมขึ้นเป็นเม็ดเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบ หรืออาจมีลักษณะเป็นก้อนไตแข็งขนาดเท่าเมล็ดถั่ว เกิดขึ้นโดยไม่มีแผลเป็นหนองหรืออาการติดเชื้ออื่นๆ มีเหงื่อออกตอนกลางคืน คล้ายอาการไข้ ให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจอาการโดยละเอียดทันที

 
15. มะเร็งผิวหนัง 
อาการ : มีแผลหรือแผลเปื่อยพุพอง โดยไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานาน ตลอดจนไฝ หรือหูดที่โตขึ้น และมีการเปลี่ยนสี รูปร่าง หรือขนาดใหญ่ขึ้น นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่า เมลาโนมา ( Melanoma) คือเนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระ จุดด่าง หรือไฝ ถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกาย หรือ มีคนในครอบครัวที่มีประวัติว่าเคยเป็นโรคนี้มาก่อน คุณจะ มี อัตราเสี่ยงสูงกว่าคนปกติอื่นๆ ทั่วไป

 
พอรู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมหมั่นสำรวจร่างกายของคุณและคนใกล้ชิดที่คุณรัก เพื่อให้รู้เท่าทัน การมีอยู่ของเจ้าเนื้อหลายเหล่านี้ และมีโอกาสในการรักษาได้ทันท่วงที


ที่มา :  โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์-ศูนย์ตรวจและรักษามะเร็ง  
ป้องกันอนุมูลอิสระ ตัวก่อเกิดมะเร็ง ด้วย

AGELOC R2 เอจล็อค อาร์สแควร์ ล้างสารพิษในระดับเซลล์

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

โรคมะเร็ง...ภัยร้ายใกล้ตัว



รู้หรือไม่! “มะเร็ง” โรคร้ายอันดับ 1 ที่คร่าชีวิตคนไทยมาต่อเนื่องนานกว่า 16 ปี นับตั้งแต่ พ.ศ. 2543 พบว่ามีคนไทยเสียชีวิตกว่า 67,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 8 คน และยังมีแนวโน้มที่จะมีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี

มะเร็ง คือ ความผิดปกติของเซลล์ในร่างกายที่สามารถแบ่งตัวจนกลายเป็นก้อนเนื้อและกระจายไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียงได้อย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งโดยปกติแล้ว การแบ่งตัวเพื่อสร้างเซลล์ใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายต้องการเท่านั้น เช่น เมื่อเซลล์เก่าถูกทำลายหรือตายลง เซลล์ใหม่จึงถูกสร้างขึ้นทดแทน เป็นต้น สำหรับเซลล์ที่แบ่งตัวไม่หยุดเราอาจเรียกว่า “เนื้องอก” ซึ่งแบ่งเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงและเนื้องอกชนิดร้ายแรงหรือที่เรียกว่า “มะเร็ง” ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้

และรู้ไหมว่าโรคมะเร็งนั้นเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย จาก 2 สาเหตุหลัก คือ

- ปัจจัยภายในร่างกาย ที่เอื้ออำนวยในการทำให้เกิดโรคมะเร็ง เช่น คุณสมบัติทางพันธุกรรม ภาวะทางระบบภูมิต้านทางโรค ภาวะทางโภชนาการ เป็นต้น
 - ปัจจัยจากภายนอก คือ สารก่อมะเร็งในสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมสุขภาพ เช่น แสงยูวี สารเคมี บุหรี่ อาหาร และสารที่ปะปนอยู่ในอาหาร ยาบางชนิด เป็นต้น

อย่างที่ทราบกันแล้วว่าโรคมะเร็งนั้นสามารถเกิดได้กับคนได้ทุกเพศ ดังนั้นมาดูกันเลยครับว่าโรคมะเร็งที่เป็น 5 อันดับแรกของทั้งชายไทยและหญิงไทย มีอะไรบ้าง?

- โรคมะเร็งที่เป็น 5 อันดับแรกของชายไทย ได้แก่

1. มะเร็งตับและท่อน้ำดี
2. มะเร็งปอด
3. มะเร็งลำไส้ใหญ่
4. มะเร็งต่อมลูกหมาก
5. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

- และโรคมะเร็งที่เป็น 5 อันดับแรกของหญิงไทย ได้แก่

1. มะเร็งเต้านม
2. มะเร็งปากมดลูก
3. มะเร็งตับและท่อน้ำดี
4. มะเร็งปอด
5. มะเร็งลำไส้ใหญ่

67,000 คน/ปี คือจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง

-  ดังนั้นเรามาดูกันเลยครับว่าเราควรทำอย่างไรเพื่อให้ห่างไกลโรคมะเร็ง

-  การปฏิบัติตนให้มีพฤติกรรมดูแลสุขภาพและการบริโภคที่เหมาะสม สามารถป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ 30-40% ช่วยลดจำนวนผู้ป่วยมะเร็งได้ประมาณ 3-4 ล้านคนทั่วโลกต่อปี และยังสามารถป้องกันโรคอื่น ๆ ได้อีก เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น
-  ไม่สูบบุหรี่ 80% ของโรคมะเร็งปอดเกิดจากการสูบบุหรี่
-  ไม่ดื่มสุราหรือดื่มไม่เกินวันละ 1 แก้ว ผู้ที่ดื่มสุรามากกว่า 60 กรัมของ Ethanol ต่อวัน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง 9 เท่า และถ้ามีการสูบบุหรี่ร่วมด้วย จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งขึ้นเป็น 50 เท่า
-  หลีกเลี่ยงการสูดควัน จากการเผาไหม้ของน้ำมัน ถ่านหิน ถ่านไม้ หรือการทำอาหาร
-  พฤติกรรมการกิน งานวิจัยได้ระบุว่า สาเหตุของโรคมะเร็งนั้น 70% มาจากสิ่งแวดล้อม และอีก 30% มาจากอาหารที่รับประทาน ดังนั้น หากคุณสามารถงดหรือลดอาหารที่ก่อให้เกิดมะเร็งและเพิ่มสัดส่วนของอาหารสุขภาพแทนโอกาสของการเกิดโรคมะเร็งจะลดลงอย่างชัดเจน

  รู้อย่างนี้แล้ว เรามาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ เพื่อให้ห่างไกลโรคมะเร็งกันนะครับ
>>>> หรือรับประทานอาหารเสริม Lifepak
https://agelock4u.blogspot.com/


 -  ติดตามข้อมูลข่าวสารดีๆ และเคล็ดลับต่างๆ จาก AgeLoc4youได้จากทาง https://agelock4u.blogspot.com/
หรือ Fanpage ของAgeLoc4you อย่างเป็นทางการ ตาม Link ด้านล่างเลย
https://www.facebook.com/Ageloc4you-167244773324084/

อาหารเสริม สารต้านอนุมูลอิสระ Lifepak (ไลฟ์แพ็ก ) ป้องกัน โรคมะเร็ง เบาหวาน ความดัน และโรคเรื้อรังร้ายแรง

อาหารเสริม สารต้านอนุมูลอิสระ Lifepak (ไลฟ์แพ็ก ) ป้องกัน โรคมะเร็ง เบาหวาน ความดัน และโรคเรื้อรังร้ายแรงต่าง ๆ


Lifepak ของ Nuskin ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงในระยะยาว เพราะครบถ้วนด้วยสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง วิตามิน เกลือแร่ และสารไฟโต นิวเทรียนท์ (สารสกัดจากพืช ผัก ผลไม้) ในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกายและร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้เต็มที่ สามารถทานต่อเนื่องได้ โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ราคาไม่แพงอย่างที่คุณคิด เมื่อเปรียบเทียบกับการกินอาหารเสริมยี่ห้ออื่นๆ ที่ต้องกินหลายอย่าง แต่ Lifepak เป็นอย่างเดียวที่รวมครบไว้ในหนึ่งเดียว
Lifepak ได้รับคัดเลือกให้เป็น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สำหรับนักกีฬา ระดับโลก Olympic Game 6 ครั้งติดต่อกัน นักกีฬาที่ทาน เช่น คุณปิยะพงษ์ ผิวอ่อน คุณโจ้ สืบศักดิ์ ผันสืบ คุณต่อลาภ เสฎฐโสธรนักกีฬาเหรียญทองว่ายน้ำเอเชี่ยนเกมส์ คุณณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ นักแข่งรถอาชีพ ดร.ฐะนีย์นาถ ทองสิมา , คุณเชิดศักดิ์ ชัยบุตรอดีตโค้ชฟุตบอลทีมชาติไทย และสโมสรการท่าเรือ เพราะฉะนั้นแน่ใจได้เลยว่าไม่มีสารตกค้างแน่นอน

Lifepak อันดับ 1 รับรองโดยสถาบันที่ต่างประเทศว่า ดีกว่า Centrum, Double X Blackmore,
ความปลอดภัยของ Lifepak
1.ไม่มีสารตกต้าง ไม่สารเคมี ผลการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยา นานาชาติอเมริกา และ อย.ของไทย
2. คุณภาพในการผลิต ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบจากที่ๆ ดีที่สุดของวัตถุดิบแต่ละตัว เพราะว่าพืชผักแต่ละชนิดชอบสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน รวมถึงขั้นตอนการผลิตการควบคุมคุณภาพ จนถึงบรรจุภัณฑ์
3. สิ่งที่สำคัญมากๆ สามารถตรวจวัดได้ ด้วยเครื่อง Biophotonic scanner เป็นนวัตกรรมใหม่ สามารถตรวจวัดในเชิงวิทยาศาตร์ได้ โดยมากเกือบทุกยี่ห้อก็บอกว่าของตนเองดี ถามว่าวัดจากอะไร (ความรู้สึกของผู้ทาน) แต่เดี๋ยวนี้มีการตรวจวัดทางวิทยาศาสตร์ได้แล้ว
4.LifePak จะมีสูตรที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค เพื่อช่วยเสริมกับลักษณะการทานอาหารประจำวันของแต่ละภูมิภาคได้อย่างเหมาะสม

ประโยชน์ของ Lifepak ไลฟ์แพ็ก
1.รวมคุณค่า 5 สูตร สารอารอาหาร 44 ชนิด ครบถ้วนด้วยสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง และสารอาหารอื่นๆ
2. ปกป้องการเสื่อมของเซลล์ สาเหตุหนึ่งของการเกิด โรคมะเร็ง หัวใจ เบาหวาน ความดัน ระบบภูมิคุ้มกัน การแก่ก่อนวัย และสาเหตุของการเกิดโรคอีกกว่า 200 ขนิด
3. ป้องกันโรคหัวใจ ส่งเสริมระบบการไหลเวียนของเลือด ลดคลอเลสเตอรอลในร่างกาย
4. ป้องกันโรคเบาหวาน ดูแลการเผาผลาญกลูโคส และอินซูลินที่ควบคุมน้ำตาลในร่างกาย
5. ป้องกันการเป็นภูมิแพ้ การเป็นหวัด เสริมการทำงานของภูมิคุ้มกัน
6.เสริมสร้างกระดูกและฟัน การอักเสบของเหงือก เลือดออกตามไรฟัน
7.ส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงในระยะยาว
8.การนอนหลับดีขิ้น ตื่นขึ้นมา รู้สึกสดชื่น ไม่เพลีย

FDA ของประเทศอเมริกา (Food And Drug Administer หรือ อย. อเมริกานั่นเอง) ได้ตั้ง ข้อกำหนดของอาหารเสริมที่ครบถ้วนไว้ 11 criteria ผมจะขอพูดถึงอาหารเสริมที่นำเข้ามาขายในเมืองไทยว่าผ่านกันกี่ข้อดังต่อไปนี้
1 HERBALIFE formula 2&3 ผ่าน 1 ข้อ จาก 11 ข้อกำหนด
2 Lederie CENTRUM silver ผ่าน 2 ข้อ จาก 11 ข้อกำหนด
3 GNC men’s vita pak ผ่าน 2 ข้อ จาก 11 ข้อกำหนด
4 Morinda NONI hoa one ผ่าน 2 ข้อ จาก 11 ข้อกำหนด
5 REXALL showcase ultima plenamins ผ่าน 3 ข้อ จาก 11 ข้อกำหนด
6 NATURE’S SUNSHINE super supplemental ผ่าน 5 ข้อ จาก 11 ข้อกำหนด
7 AMWAY nutrilite doubleX ผ่าน 5 ข้อ จาก 11 ข้อกำหนด
8 GNC ultra mega for women ผ่าน 6 ข้อ จาก 11 ข้อกำหนด
9 LIFEPAK ผ่าน 11 ข้อ จาก 11 ข้อกำหนด
1 กล่องประกอบด้วย 60 ซอง 180 เม็ด

ข้อมูลทุกอย่างมีหนังสือยืนยันและผลการวิจัยรับรอง(ขอข้อมูลเพิ่มเติมได้)
หมายเหตุ แหล่งที่มา www.fda.com ,www.supplementwatch.com,www.pharmanex.com
เว็บไซต์ที่แนะนำเป็นเว็บไซด์ ส่วนกลางที่ให้ข้อมูลด้านโภชนาการ มีการจัดอันดับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยนักวิทยาศาสตร์ด้านโภชนาการ……ในท้องตลาดอาหารเสริมมีมากกว่า 500 ยี่ห้อแต่ทุกที่จะบอกว่าของตัวเองดีกว่าของเจ้าอื่นทุกอย่าง แต่ของผมแตกต่างกว่าที่สามารถ ตรวจวัดได้.....ทั้งก่อนกินและหลังกิน
สนใจติดต่อผู้แนะนำ หรือขอข้อมูลเพิ่มเติม

9 เคล็ดลับการกินให้ห่างไกลมะเร็ง

 9 เคล็ดลับการกินให้ห่างไกลมะเร็ง

วันนี้เรามาดูเคล็ดลับการกินให้ห่างไกลโรคมะเร็งกัน

1. กินผักหลากสีทุกวัน สีสันของผักนอกจากจะดูสวยงามแล้ว ผักแต่ละชนิดยังมีปริมาณและชนิดของไฟโตนิวเทรียนท์แตกต่างกันออกไปตามสีของผัก ดังนั้น การกินผักให้หลากหลายหรือกินผักให้ครบทั้ง 5 สีจะมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อสุขภาพ

- สารสีแดง เช่น มะเขือเทศ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า “ไลโคปีน” ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งปอด
- สารสีเหลือง/ส้ม เช่น ฟักทอง แคร์รอท มีสารต้านอนุมูลอิสระ “แคโรทีนอยด์” และอุดมไปด้วยวิตามินที่สามารถต้านการเกิดสารอนุมูลอิสระในร่างกาย
- สารสีเขียว เช่น คะน้า บรอกโคลี อุดมไปด้วยวิตามินซี รวมถึงผักบุ้ง กวางตุ้ง ตำลึง ที่มีวิตามินเอ
- สารสีม่วง เช่น กะหล่ำสีม่วง มะเขือม่วง มีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งจะช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็ง
- สารสีขาว เช่น ผักกาดขาว มะเขือเปราะ ดอกแค โดยเฉพาะยอดแค มีสารเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งมีคุณสมบัติในการกำจัดสารอนุมูลอิสระ

2. ขยันหาผลไม้กินเป็นประจำ 􀁛 ผลไม้ประกอบไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย รวมทั้งมีเส้นใยที่ช่วยย่อยอาหาร ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ เช่น ส้ม สับปะรด และมะม่วง ที่มีทั้งวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง หรือมะละกอที่มีทั้งวิตามินเอ บี และซี ที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานปกติ ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้เช่นกัน

3. ทำอาหารธัญพืชและเส้นใย 􀁔 ธัญพืชเต็มเมล็ด คือธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีหรือขัดสีน้อยที่สุด ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวสาลี ข้าวโพด ลูกเดือย เป็นต้น ธัญพืชประเภทนี้จะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น วิตามิน แร่ธาตุ ไฟโตนิวเทรียนท์ เส้นใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ นอกจากนี้ใยอาหารในธัญพืชยังทำหน้าที่สำคัญในการพาสารต่างๆ ที่เป็นโทษต่อร่างกายซึ่งเกาะติดบริเวณลำไส้ให้ขับถ่ายออกไป จึงมีส่วนสำคัญในการลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งในทางเดินอาหารและมะเร็งลำไส้ใหญ่

4. ใส่เครื่องเทศเสริมรสชาติอาหาร 􀁡 เครื่องเทศ หมายถึง ส่วนต่างๆ ของพืชที่นำมาใช้เป็นเครื่องปรุงรสอาหารหรือเพื่อให้อาหารมีกลิ่นหอม และยังมีสรรพคุณลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง

5. เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ โดยการดื่มเครื่องดื่มจากธรรมชาติ ทำมาจากส่วนต่าง ๆ ของพืช เช่น ชาเขียว ที่เต็มไปด้วยสาร EGCG ซึ่งมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเซลล์มะเร็ง เป็นต้น

6. ปรุงอาหารอย่างถูกวิธี ไม่ปิ้งหรือย่างอาหารประเภทเนื้อสัตว์จนไหม้เกรียม ไม่กินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ หรือไม่ใช้น้ำมันทอดอาหารหลายครั้ง

7. หลีกหนีอาหารไขมัน โดยเฉพาะอาหารประเภทที่มีกรดไขมันอิ่มตัว ซึ่งพบมากในอาหารที่มาจากเนื้อสัตว์และน้ำมันที่ได้จากพืชบางชนิด เช่น เนย ไขมันสัตว์ กะทิ และน้ำมันปาล์ม

8. ลดบริโภคเนื้อแดง เนื่องจากเป็นอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง ทำให้มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้และทวารหนัก มะเร็งเต้านม และโรคอ้วน

9. เกลือแกง อาหารหมักดองต้องน้อยลง โซเดียมพบมากในเนื้อเค็ม ปลาเค็ม และผลไม้ดอง มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการต่างๆ ในร่างกาย แต่หากได้รับปริมาณที่มากเกินไปก็จะเป็นโทษต่อร่างกายได้เช่นกัน

>>>>>>ถ้าอยากห่างไกลโรคมะเร็ง อย่าลืมสำรวจตัวเองและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงกันนะครับ  หรือทานผลิตภัณท์ อาหารเสริม Life Pak 
https://agelock4u.blogspot.com/2016/07/lifepak.html

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

5 สัญญานเตือนมะเร็งลำไส้ อันตรายกันไว้ดีกว่าแก้

5 สัญญานเตือนมะเร็งลำไส้  อันตรายกันไว้ดีกว่าแก้


มะเร็งลำไส้ใหญ่ ภัยร้ายที่กำลังมาแรงสำหรับคนไทย ในปี พ.ศ. 2551 พบว่ามีผู้ป่วยใหม่โรคมะเร็ง ลำไส้ใหญ่กว่า 9,000 ราย

สัญญาณที่ 1: ท้องผูกเรื้อรัง ถ่ายยาก อุจจาระเป็นก้นแข็งเล็กๆ

สัญญาณที่ 2 : มีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย การขับถ่ายอุจจาระที่ผิดปกติไปจากเดิม คือมีอาการท้องผูกต่อเนื่องกันหลายวัน สลับด้วยการถ่ายอุจจาระเหลวลักษณะมีมูกปนมากับอุจจาระ ลักษณะอุจจาระแบบนี้ทำให้ หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นท้องเสียจากการติดเชื้อ

สัญญาณที่ 3 : อุจจาระเป็นมูกปนเลือด คือนอกจากจะมี มูกปนในอุจจาระแล้ว มักมีเลือดปนมากับมูก และอุจจาระด้วย เนื่องมาจากตัวเนื้องอกมะเร็ง ลำไส้ใหญ่ และทวารหนักนั้น

สัญญาณที่ 4 : ขนาดของลำอุจจาระเล็กลง ในช่วงที่อุจจาระไม่เป็นมูกเหลว หากสังเกตขนาดของ ลำอุจจาระจะพบว่า ขนาดเล็กลงโดยลำดับจากการ ที่รูของลำไส้ใหญ่แคบลง

สัญญาณที่ 5 : อาการพิเศษของเฉพาะมะเร็ง ทวารหนักนั่นคือ อาการรู้สึกปวดถ่ายอยาก เข้าห้องน้ำอยู่ตลอดเวลา แต่ถ่ายแล้วไม่ค่อยมีอะไร ออกมา มีอาการเหมือนถ่ายไม่สุด เนื่องมาจาก การมีก้อนเนื้องอกในทวารหนัก ทำให้ร่างกาย มีความรู้สึกเหมือนมีอุจจาระในทวารหนัก จึงเกิดอาการ ปวดอยากถ่ายอุจจาระอยู่ตลอดเวลา

สัญญาณที่ 3 และ 4 นั้น รู้ได้จากการสังเกตลักษณะ อุจจาระ เพราะฉะนั้นก่อนจะกดชักโครก ก็หมั่นสังเกตลักษณะอุจจาระของตัวเองทุกครั้ง

>>>>> >

AGELOC R2 เอจล็อค อาร์สแควร์ ล้างสารพิษในระดับเซลล์

5 สัญญานเตือนมะเร็งลำไส้ อันตรายกันไว้ดีกว่าแก้

5 สัญญานเตือนมะเร็งลำไส้  อันตรายกันไว้ดีกว่าแก้


มะเร็งลำไส้ใหญ่ ภัยร้ายที่กำลังมาแรงสำหรับคนไทย ในปี พ.ศ. 2551 พบว่ามีผู้ป่วยใหม่โรคมะเร็ง ลำไส้ใหญ่กว่า 9,000 ราย

สัญญาณที่ 1: ท้องผูกเรื้อรัง ถ่ายยาก อุจจาระเป็นก้นแข็งเล็กๆ

สัญญาณที่ 2 : มีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย การขับถ่ายอุจจาระที่ผิดปกติไปจากเดิม คือมีอาการท้องผูกต่อเนื่องกันหลายวัน สลับด้วยการถ่ายอุจจาระเหลวลักษณะมีมูกปนมากับอุจจาระ ลักษณะอุจจาระแบบนี้ทำให้ หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นท้องเสียจากการติดเชื้อ

สัญญาณที่ 3 : อุจจาระเป็นมูกปนเลือด คือนอกจากจะมี มูกปนในอุจจาระแล้ว มักมีเลือดปนมากับมูก และอุจจาระด้วย เนื่องมาจากตัวเนื้องอกมะเร็ง ลำไส้ใหญ่ และทวารหนักนั้น

สัญญาณที่ 4 : ขนาดของลำอุจจาระเล็กลง ในช่วงที่อุจจาระไม่เป็นมูกเหลว หากสังเกตขนาดของ ลำอุจจาระจะพบว่า ขนาดเล็กลงโดยลำดับจากการ ที่รูของลำไส้ใหญ่แคบลง

สัญญาณที่ 5 : อาการพิเศษของเฉพาะมะเร็ง ทวารหนักนั่นคือ อาการรู้สึกปวดถ่ายอยาก เข้าห้องน้ำอยู่ตลอดเวลา แต่ถ่ายแล้วไม่ค่อยมีอะไร ออกมา มีอาการเหมือนถ่ายไม่สุด เนื่องมาจาก การมีก้อนเนื้องอกในทวารหนัก ทำให้ร่างกาย มีความรู้สึกเหมือนมีอุจจาระในทวารหนัก จึงเกิดอาการ ปวดอยากถ่ายอุจจาระอยู่ตลอดเวลา

สัญญาณที่ 3 และ 4 นั้น รู้ได้จากการสังเกตลักษณะ อุจจาระ เพราะฉะนั้นก่อนจะกดชักโครก ก็หมั่นสังเกตลักษณะอุจจาระของตัวเองทุกครั้ง

>>>>> >

AGELOC R2 เอจล็อค อาร์สแควร์ ล้างสารพิษในระดับเซลล์